วันศุกร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2554

วังกุ้ง

บ้านสาขลาเป็นชุมชนประมงเก่าแก่ ตั้งอยู่ที่ตำบลวังน้ำเค็ม อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ ชุมชนกลางผืนป่าชายเลนบริเวณปากแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งนี้ นอกจากอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรสัตว์น้ำมากมายแล้ว ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันขึ้นชื่ออีกแห่งหนึ่งของจังหวัด

เที่ยวบ้านสาขลาชมวิถีชีวิตริมน้ำและชุมชนตลาดเก่าแก่อายุร่วมร้อยปี ซึ่งโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมบ้านเรือนเก่าแก่ หรือชมพระปรางค์เอียงชื่อดังแห่งวัดสาขลา รวมถึงสินค้าชื่อดังของที่นี่ "กุ้งเหยียด" หรือกุ้งต้มเค็ม ที่มีลำตัวเหยียดตรงน่ากิน สูตรเฉพาะที่บ้านสาขลาแห่งเดียวเท่านั้น

อาชีพหลักของชาวบ้านสาขลาคือ การเลี้ยงกุ้ง พูดถึงการเลี้ยงกุ้งแล้วส่วนใหญ่จะนึกถึงการทำบ่อกุ้ง ต้องใช้เคมี อาหารและเครื่องตีออกซิเจนให้น้ำ แต่ที่บ้านสาขลาแห่งนี้ไม่ใช่ เพราะที่นี่เลี้ยงกุ้งแบบ "วังกุ้ง" ซึ่งถือเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจ

วังกุ้งคือ การเลี้ยงกุ้งแบบบ่อธรรมชาติ ใช้เพียงการถ่ายเทน้ำเข้าออกบ่อทุกวันโดยอาศัยปรากฏการณ์น้ำขึ้นลงเป็นตัวช่วย พอน้ำทะเลขึ้นก็เปิดประตูน้ำถ่ายน้ำเข้าบ่อ พอน้ำทะเลลดระดับลงก็ถ่ายน้ำออก

"ระบายน้ำเสียออกไปแล้วก็รับน้ำใหม่เข้าวังกุ้งทุกวัน น้ำที่เข้ามาก็จะมีอาหารพวกแพลงตอนให้กุ้งในวังของเรา รวมถึงพวกเชื้อกุ้งและพวกสัตว์น้ำต่างๆ ก็จะเข้ามาเติบโตภายในวังของเราด้วย" คุณตาวินัย อาศัยผล บอก

ตาวินัยเป็นชาวบ้านสาขลาคนหนึ่งที่ทำวังกุ้งธรรมชาติ วังกุ้งของตาวินัยมีพื้นที่ 18 ไร่ ซึ่งถือว่าเป็นวังขนาดเล็ก ของเจ้าใหญ่ๆ วังจะมีขนาดเป็นร้อยๆ ไร่เลยทีเดียว ตาวินัยบอกว่า "ที่ทำบ่อขนาดใหญ่เพื่อให้น้ำมันหมุนเวียนได้ตลอดทั้งบ่อ สัมผัสอากาศได้มากอากาศก็ลงบ่อได้มาก"

ในอดีตจริงๆ แล้วบ้านสาขลาทำนาเกลือกันเป็นอาชีพหลัก ก่อนจะเปลี่ยนมาทำวังกุ้งกัน ยุคสมัยหนึ่งการเลี้ยงกุ้งกุลาดำบูม ชาวบ้านส่วนใหญ่ต่างก็หันไปทำบ่อกุ้งแบบพัฒนากัน แต่ด้วยความไม่ยั่งยืนสุดท้ายก็หันกลับมาทำวังกุ้งกันเช่นเดิม

น้องปาล์ม เด็กชายปฏิภาณ กิจแก้ว หลานชายของตาวินัย เติบโตและเห็นการทำวังกุ้งมาตลอด เล่าให้ฟังว่า "ทุกเดือนตาจะซื้อพันธุ์กุ้งกา (กุ้งกุลาดำ) มาปล่อยในวัง นอกจากนั้นในวังยังเลี้ยงหอยแครงอีกด้วย"

"ในวังกุ้งนอกจากจะมีกุ้งกาที่เราเอามาปล่อยแล้ว ยังมีกุ้งจากธรรมชาติด้วย พวกกุ้งรู กุ้งขาว กุ้งลาย แล้วก็พวกหอย ปู ปลาต่างๆ อีกด้วย" น้องปาล์มบอก

ช่วงไหนที่ระดับน้ำขึ้นน้ำลงของวันต่างระดับกันมาก ชาวบ้านเรียกว่าน้ำขึ้นลงแรงก็จะ "กางกุ้ง" ซึ่งก็คือการจับกุ้งนั่นเอง น้องปาล์มบอกว่า "ตอนระบายน้ำออกวังช่วงน้ำลง เราก็เอาอวนไปดักตรงประตูน้ำไว้ น้ำที่ไหลแรงๆ เพราะระดับน้ำต่างกันมาก ก็จะดูดพวกกุ้งกับสัตว์น้ำต่างๆ ในวังให้ไหลมาติดที่อวนเอง"

"พอความแรงของน้ำลดลงก็ปิดประตูน้ำ เสร็จแล้วก็กู้อวน ช่วยกันคัดแยกแล้วก็เอาไปขายที่ตลาด" ปกติแล้วเดือนหนึ่งๆ เราจะกางกุ้งได้ 2-3 ครั้ง ครั้งหนึ่งติดต่อกัน 3-5 วัน

ปาล์มบอกว่า วังกุ้งบ้านสาขลาพิเศษกว่าที่อื่น "เพราะเราเอากุ้งมาจากธรรมชาติ เชื้อกุ้งกับพวกสัตว์น้ำตัวเล็กๆ ที่อาศัยอยู่ตามป่าชายเลน พอน้ำขึ้นน้ำทะเลก็จะดันพวกนี้เข้ามาตามคลองแล้วก็ไหลเข้าวังกุ้งเรา"

การทำวังกุ้งนั้นเป็นการเลี้ยงกุ้งแบบพึ่งพาอาศัยธรรมชาติเป็นหลัก ผลผลิตขึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเลและผืนป่าชายเลน

ปาล์มบอกว่า "การทำวังกุ้งไม่ต้องลงทุนอะไรมาก ถ้าป่าชายเลนอุดมสมบูรณ์ก็จะมีพวกเชื้อกุ้ง หอย ปู ปลา เข้ามาเติบโตในวังของเรามากมาย เพราะฉะนั้น เราต้องช่วยกันดูแลรักษาธรรมชาติ ป่าชายเลนกับทะเลให้ดี บ้านเราจะได้ทำวังกุ้งกันไปได้อีกนานๆ"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น